เกร็ดความรู้


12
มี.ค.

- มารู้วิธีง่ายๆ ในการเลือกซื้อรถมือสองกันเถอะ -

หลายๆคนคงมองดูอะไรต่อมิอะไรรอบๆตัวในภาวะเศรษฐกิจ เช่นนี้ ก็ต้องบอกกับตัวเองว่าจะถ้าจะซื้ออะไรก็ต้องคิดหน้าคิดหลัง ให้ละเอียดซักนิด คิดสักหน่อย แล้วค่อยตัดสินใจ จะได้ไม่พลาดไงล่ะครับท่าน ถ้างั้นเราก็มาดูเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยการเลือกซื้อรถมือสองกันดีกว่าครับ

ลองบอกกับตัวเองก่อนว่าเป้าหมายมีอะไรจะได้ไม่สับสน เช่น รถประเภทอะไร กระบะหรือเก๋ง? ยี่ห้อเป้าหมาย ยี่ห้ออะไร? งบประมาณ? อายุรถที่ต้องการ? สีจำเป็นหรือไม่? เมื่อได้แล้วก็ลองมาเริ่มกันเลยครับ

 

ภายนอกรถ…. ลองยืนหันหน้าเข้าหาด้านหน้าของรถยนต์เป้าหมายตรงๆ โดยยืนห่างประมาณ 5 เมตรเป็นอย่างน้อย แล้งสังเกตรูปทรงของรถ ดูว่าสมส่วน ไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ไม่บิดเบี้ยวเหมือนคนยืนเท้าเอวข้างเดียวนั่นเหละ สีโดยทั่วไปเสมอกันหรือไม่ (อันนี้ขอบอกให้ดูรถในที่สว่างเท่านั้น) จากนั้นก็เดินเข้าใกล้รถอีกนิดก้มลงดูว่าพื้นสีมีความสม่ำเสมอ ? (ภาษารถเขาเรียกว่าดูเม็ดสีครับ) เป็นคลื่นๆหรือเปล่า? ถ้าดูแล้วสีไม่เท่ากันตรงจุดไหน ก็ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน เดี๋ยวมีขั้นตอนต่อครับ จากนั้นให้สังเกตแนวร่องระหว่างฝากระโปรงหน้า, เส้นขอบประตู หน้า-หลัง ซ้าย- ขวา ฝาท้ายรถ มีเส้นแนวเรียบ เสมอกันหรือไม่? หลังจากใช้สายตาแล้วก็ลงมือปฏิบัติกันบ้างล่ะ ลงมือเคาะโดยพยายามใช้ปลายเล็บจิกไปรอบๆ แล้วสังเกตเสียงและความรู้สึกหนาบางรอบตัวรถ รวมถึงหลังคารถ ถ้ามีจุดไหนที่เสียงดังทึบๆ มีโอกาสทำสีมาครับ เสียงโปร่งๆก็รอดไปขั้นหนึ่งครับ แล้ว …..

เปิดฝาห้องเครื่อง แล้วสังเกตร่องน้ำทั้งสองข้าง คานหน้าเครื่อง ดูว่าความเรียบของสียังดีอยู่ไม่? โดยใช้มือลูบๆดู หากเห็นว่าหยาบและร่องไม่เสมอ ก็ตั้งข้อสงสัยว่าทำสีมาแล้วยังเก็บไม่เรียบร้อย คานหน้าให้ดูรูว่าบิดเบี้ยว ถ้ามองดูรู้สึกว่าหนาๆ ภาษารถก็อาจจะบอกว่าโดนมาครับ จากนั้นก็ดูซอกประตู, ประตูรถ โดยใช้วิธีเดียวกับที่ได้กล่าวมาครับ เสริมด้วยลองพลิกขอบยางดูด้วย ว่ามีการเก็บสีมาหรือ? สำหรับฝาท้ายรถก็ดูร่องน้ำคล้ายๆฝากระโปรงหน้า แต่ต้องลองขยับหรือเปิดพรมขึ้นมาอีกหน่อยเพื่อดูสีและความเรียบของพื้นยังเดิมๆอยู่หรือไม่? สีมีการพ่นมาใหม่หรือเปล่าๆ? แล้วให้ช่วยสังเกตดูช่องที่ใส่ประกอบไฟท้ายมีการทำมาหรือไม่? เบี้ยวหรือไม่? สนิมมีหรือไม่?

ที่นี้ลองมาดูระบบเครื่องยนต์กันบ้างครับ ให้ลองสตาร์ทเครื่องโดยไม่ต้องเร่งคันเร่งมากนัก หากเครื่องติดง่ายก็ถือว่าผ่านขั้นที่ 1 จากนั้นลองเร่งคันเร่งเล็กน้อยแล้วปล่อย ฟังและดูว่าเครื่องเดินได้ราบเรียบหรือเปล่า? ถ้าเสียงเรียบก็ผ่าน พอเครื่องยนต์อุ่นขึ้นลองดูแรงดันเครื่องคร่าวๆ โดยชักสายวัดน้ำมันเครื่อง ดูว่ามีควันขาวๆลอยออกมาด้วยหรือไม่? หรือมีละอองน้ำมันกระเด็นออกมาด้วยหรือไม่? ถ้ามีก็ ไม่โอเคนะครับ เพราะเครื่องอาจหลวมแล้วนะครับท่าน หรือไม่ก็อาจจะมีน้ำเข้ามาผสมในห้องเครื่องก็อาจเป็นได้ครับ แล้วสังเกตควันที่ปลายท่ออีกนิด ถ้าควันขาวอมเทาๆมีกลิ่นเหม็นเหมือนน้ำมันไหม้แล้วมีละอองน้ำมันออกมาด้วย ก็ขอแนะนำว่าอย่าไปสนใจรถคันนี้จะดีกว่านะครับ ท่าทางจะไม่ค่อยดีซะแล้ว

 

จากนั้นมาดูภายในห้องโดยกันดีกว่า ตรวจดูอุปกรณ์บนหน้าปัด การใช้งานอยู่ในสภาพดีอยู่หรือเปล่า? ระบบไฟมีครบใช้ได้หรือไม่? แล้วลองขยับเกียร์ เพื่อสังเกตว่าหลวมโยกกลวงๆหรือเปล่า? เมื่อเครื่องยนต์สตาร์ท ก็ลองเข้าเกียร์ ถ้าเป็นเกียร์โอโตเมติก ให้สังเกตดูการกระตุก และจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ยังดีอยู่ หรือไม่? หรือเกียร์กระตุกมาก หรือเกียร์ไม่เปลี่ยน ก็แสดงว่ารถต้องการหมอแล้วครับ

ระบบช่วงล่าง ให้ลองวิ่งบนพื้นที่ไม้ราบเรียบแล้วฟังเสียงใต้ท้องรถว่ามีดังเหมือนมีอะไรหลวมๆเวลาที่ตกหลุมหรือพื้นไม่เรียบ ถ้ามีก็ให้สังเกตว่ามาจากจุดไหนเพื่อจะได้เช็คสาเหตุและประมาณค่าซ่อมได้ครับ จากนั้นก็ลองวิ่งตรงๆและลองปล่อยพวงมาลัยรถ เป็นช่วงๆ เพื่อดูว่ารถวิ่งตรงหรือเอียงไปฝั่งใดฝั่งหนึ่งหรือไม่? ถ้ามีก็ต้องขอรถขึ้นนายฮ้อยดูกันละครับ

 

ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยาวแล้วละ …เอาไว้ต่อกันคราวหน้าก็แล้วกันครับ สวัสดีครับ