เกร็ดความรู้


23
มี.ค.

ป้องกันอาการเหินน้ำ (Hydroplane)


ป้องกันอาการเหินน้ำ (Hydroplane)

Published by admin on Saturday, September 10th, 2011

0

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า Hydroplane หรืออาการเหินน้ำคืออะไร คือ การบางอย่างที่หมุนไปเหนือ ชั้น (Layer) ของน้ำ หรือสิ่งสกปรกเช่น โคลน เลนที่อยู่บนพื้นผิวถนน ทำให้เกิดการสูญเสียการควบคุม ซึ่งรวมทั้งหมด เช่น การเร่ง การเข้าโค้ง หรือแม้แต่การเบรค  เพราะความฝืดระหว่างล้อรถยนต์กับถนนนั้นไม่มีแล้วนั่นเอง

ปัจจัยที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ Hydroplane

  1. ความเร็วของรถยนต์  ความเร็วของรถยนต์นั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก เพราะรถยนต์ยิ่งวิ่งมาเร็วเท่าไหร่ โอกาสที่ล้อจะรีดน้ำได้ทันนั้นจะยิ่งน้อยลง ทำให้ชั้นของน้ำนั้นหนามากกว่า และมีโอกาสก่อให้เกิดอาการเหินน้ำได้มากกว่า
  2. น้ำหนักของรถยนต์  รถยนต์ยิ่งน้ำหนักมาก เมื่อเสียการควบคุมแล้ว แรงเฉี่อยจะยิ่งมากกว่า
  3. ดอกยางของรถยนต์  ลักษณะของดอกยาง และ ความลึกของดอกยางนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก จากในรูป จะเห็นว่า ดอกยางข้างต้นมีการรีดน้ำไปด้านข้างของล้อด้วย ความลึกของดอกยางนั้น ทางทฤษฎีแล้ว หากดอกยางเหลือเพียงครึ่งเดียว ความเร็วจะต้องลดลงจากเดิมประมาณ 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (เทียบกับดอกยางเต็มๆ)
  4. ล้อรถยนต์  หากเป็นล้อรถยนต์ที่มีหน้ากว้าง และยางกว่า(รัศมีมากกว่า) โอกาสเกิด Hydroplane จะยิ่งน้อยกว่า
  5. ลักษณะของพื้นผิวถนน หากเป็นพื้นคอนกรีตแล้ว โอกาสเกิดเหตุการณ์จะยิ่งง่ายกว่า ถนนที่มียางมะตอยราด เพราะยังมีร่องน้ำ ตามรูของพื้นผิวถนน นอกจากนี้ยังมีความชัน และความเอียงของพื้นผิวถนนที่เป็นปัจจัยเล็กน้อยอีกด้วย

เรามาดูวิธีป้องกันกัน

  1. อย่าได้ขับรถเร็วเกิน 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากพื้นผิวถนน มีน้ำขัง หรือแม้แต่เปียกเล็กน้อย
  2. ยางรถยนต์ ต้องมีดอกยางเสมอ (วัดด้วยเหรียญ ) ยิ่งดอกยางยังมีอยู่เยอะ ยิ่งรีดน้ำได้ดีกว่า
  3. หากรถยนต์ของคุณมีระบบ Traction Control อย่าได้ลืมเปิดใช้งานเวลาถนนเปียก
  4. หากเลือกรถใช้งานได้ ขณะฝนตก ควรเลือกรถยนต์ที่มีระบบ ABS ทั้ง 4 ล้อไว้ก่อน (รถยนต์บางชนิดจะมีเพียง 2 ล้อหน้า หรือ 2 ล้อหลัง)
  5. หากเริ่มเกิดอาการสูญเสียการควบคุมจากอาการเหินน้ำแล้ว ควรปฎิบัติดังนี้
  1. หากรถยนต์อยู่ในทางตรง และมาด้วยความเร็วน้อย จะสูญเสียการควบคุมเพียงเล็กน้อย นักขับจะต้องพยายามควมคุมทั้งความเร็ว และทิศทางให้เหมือนปุยนุ่น อย่าได้พยายามควบคุมทุกอย่างอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเบรค หรือหักล้อรถยนต์เต็มที่ อย่าได้ทำแบบนั้นเด็ดขาด
  2. หากรถยนต์อยู่บนท้องถนน และเกิดอาการจากการเหินน้ำ ที่เกิดจากการเร่งความเร็วอย่างฉับพลัน จะเกิดอาการ 3 อย่าง คือ 1 ต้นเหตุเกิดที่ล้อหน้า  คำแนะนำสำหรับล้อหน้าคือ โอกาสเกิดรถหมุนนั้นจะมาก ต้องปล่อยเลยไป โดยมีโอกาสที่รถยนต์จะตกข้างทาง หรือพาดกับต้นไม้ หรือเสาไฟฟ้า เพราะเราเตือนคุณแล้วว่า อย่าได้เร่งความเร็วฉับพลัน 2.เหตุเกิดจากล้อหลัง การรักษาการควบคุมจะง่ายกว่า เพราะอาการจะเกิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 3.เกิดเหตุทั้ง 4 ล้อ รถยนต์จะไม่หมุน แต่จะมุ่งตรงไปด้านหน้า (แม้ว่าจะหักล้อหมุน รถก็ตรงไปด้านหน้าอยู่ดี) ดังนั้นคุณยังมีโอกาสควบคุมเล็กน้อย พยายามลดความเร็ว โดยไม่เหยียบคันเร่งเพิ่ม รักษาทิศทางของรถยนต์ไว้

ประเด็น สำคัญ คือ อย่าได้เหยียบเบรค เพราะจากการทดสอบหลายครั้ง ผู้ขับขี่ส่วนมากจะเหยียบเบรค (ในการทดสอบดูจากไฟท้ายรถยนต์) เพราะการเหยียบเบรคแบบกระทันหัน จะยิ่งทำให้เกิดอาการเหินน้ำมากขึ้น เพราะยางรถยนต์หยุดรีดน้ำ ทำให้โอกาสเกิดสูญเสียการควบคุมรถยนต์มากขึ้นไปอีก

แต่ประเด็นที่ สำคัญยิ่งกว่า คือ พยายามหลีกเลี่ยงโอกาสเกิดอาการเหินน้ำให้มากที่สุด เพราะแม้แต่นักขับอาชีพ ก็ยังยากที่จะควบคุมรถยนต์ได้ โดยเฉพาะการขับรถยนต์ขณะฝนตกนั้น ควรขับรถยนต์ด้วยความเร็วที่ไม่เกิน 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอย่าเร่งหรือลดความเร็วแบบฉับพลัน

 

อ้างอิง :

http://koolauto.net/

http://www.smartmotorist.com/driving-guideline/hydroplaning-aquaplaning.html